ราษฎร์อาณาจักรกวี

โกศล อนุสิม : ราษฎรกวี

มีรักในดวงตา
ในดวงตามีดวงใจ
มองเห็นความงามไป
เมื่อดวงใจมีความรัก

มีรักในดวงตา
ในดวงตาจึงประจักษ์
โลกนี้น่าอยู่นัก
หากเราพักความเกลียดชัง

ดวงตามีดวงใจ
ดวงตาให้ใจเฝ้าฟัง
เพลงแห่งความรักดัง
ในหลืบลึกของดวงใจ
อ่านเพิ่มเติม

26 มิถุนายน, 2008 Posted by | กาพย์ | , , , | ใส่ความเห็น

แตกหัก!


แตกหักอีกแล้วหรือ
อะไรคือของแตกหัก
ประเทศชาติเป็นที่รัก
และที่พำนักของทุกคน

แตกหักแล้วใช่ไหม
ผู้ใดทำปี้ป่น
ประเทศชาติของปวงชน
เป็นจุลจนละเอียดแล้ว

แตกหักแล้วอย่างไร
มีชาติใหม่ใสวับแวว
สร้างให้ประกายแพรว
มีหลักแก้วเป็นขวัญเมือง

นิยมชาติที่สร้างใหม่
วาดฝันไว้มลังเมลือง
ฉลองชัยไม่กลัวเปลือง
เพราะเป็นเรื่องของชาติไทย

ชื่นชมนิยมชาติ
แบบผูกขาดทุกครั้งไป
ใครก็ว่าตัวใคร
รักชาติได้กว่าทุกคน

แย่งกันรักชาติ
ปากพิฆาตกันอึงอล
ยื้อยุดอลวน
เพื่อให้ตนได้สิทธิ์ครอง

ฉุดกระชากประเทศชาติ
แย่งสิทธิ์ขาดประกาศจอง
ใครอื่นขืนมาลอง
ขอแบ่งต้องเจอของดี

แย่งกันรักชาติ
น่าอนาถเสียทุกที
เรื่องลงรอยไม่เห็นมี
ขัดกันถี่ตีหน้ายักษ์

แตกหักอีกแล้วหรือ
ของในมือหล่นแตกหัก
ประเทศชาติเราที่รัก
เป็นซากปรักลงอีกแล้ว
…….
ประเทศชาติอันพราวแพรว
เป็นเศษแก้วเพราะมือใคร?
…….

โกศล อนุสิม
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๑

20 มิถุนายน, 2008 Posted by | Uncategorized | , , , | 2 ความเห็น

กวีตาย

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ล้มลงจมหายในยุคสมัย
โดยมิเคยมีคนไว้อาลัย
กวีจึงปราชัยไปเงียบงัน

ใครใครก็ว่า กวีตายแล้ว
ไม่เหลือเชื้อแนวกวีขวัญ
ศพก็หาไม่เห็นเป็นสำคัญ
จึงร่ำลือกันว่าตายแท้

ตายอยู่กลางป่าอันรกชัฎ
ด้วยความอัตคัดย่ำแย่
ป่าแห่งยุคสมัยอันปรวนแปร
กวีล้มลงแผ่เพราะหมดทาง

ใครใครก็ว่า กวีตาย
เมื่อไร้ความหมายไปทุกอย่าง
ยุคสมัยไม่เห็นค่าจึงละวาง
โดยการทิ้งขว้างกวี

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ถึงความวอดวายไม่อาจหนี
หาศพไม่เห็นเป็นการดี
ไม่ต้องมีพิธีศพรบกวนคน

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ได้ยินมากมายในทุกหน
คล้ายคล้ายว่าเห็นเป็นมงคล
เมื่อกวีไปพ้นจากแผ่นดิน

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ยังดอกยังไม่หายไปหมดสิ้น
ข้าก็กวีหนึ่งจงพึงยิน
ยังไม่สิ้นเสียงกวี-มีพึมพำฯ

โกศล อนุสิม
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑

18 มิถุนายน, 2008 Posted by | กลอน | , , , | 2 ความเห็น

ข้าพเจ้าหลงรักฯ

อยู่อยู่หัวใจมาไหวอ่อน
ทั้งที่เมื่อก่อนหยุดอ่อนไหว
จู่จู่ข้าพเจ้าต้องแปลกใจ
ที่กลับคืนไปในที่เดิม

แต่ก่อนหัวใจมักเฉื่อยเฉย
มิเคยจะอ่อนไหวไม่ฮึกเหิม
เหมือนหัวใจเก่าเขม่าเจิม
เอาอะไรมาเติมก็เหมือนตาย

ข้าพเจ้าแปลกใจเสียจริงหนอ
จึงขอถามนิดมิตรสหาย
เหล่าเพื่อนนักสู้ลูกผู้ชาย
มีคล้ายกันบ้างหรืออย่างไร

ที่จู่จู่หัวใจก็ไหวอ่อน
เหมือนดังเมื่อตอนเป็นหนุ่มใหม่
เหมือนเมื่อรักแรกเข้าแทรกใจ
ที่จู่จู่รู้สึกได้อีกครั้ง

ข้าพเจ้าตะลึงตะลานแล้ว
หัวใจลึกแนวยากจะหยั่ง
รู้แล้วอิ่มอุ่นละมุนจัง
หัวใจยัง ดูดีมีชีวา

ข้าพเจ้ามีเรื่องจะถามเพื่อน
ว่าเป็นเหมือนข้าพเจ้าหรือเปล่าหนา
ข้าพเจ้าหลงรักภรรยา
ที่อยู่ร่วมชายคาสิบห้าปีฯ.

โกศล อนุสิม

17 มิถุนายน, 2008 Posted by | กลอน | , , | 2 ความเห็น

เราอาจสิ้นทุกสิ่ง

เราอาจมีโกรธแค้นแน่นในอก
จึงท้าตีท้าชกอกร้อนรุ่ม
เลือดมันร้อนด้วยแรงโกรธที่เกาะกุม
พร้อมจะสุมเพลิงเผาให้ลุกโพลง

เราอาจเสียสติมิอดกลั้น
คนอื่นมันไร้ค่าน่าตายโหง
น่าจะจับโยนเข้าไฟไม่ใส่โลง
เอาให้โล่งทางเท้าที่เราเดิน

เราอาจสิ้นปัญญาละเหตุผล
ภาวะความเป็นคนจึงขาดเขิน
อยู่ในความดิบเถื่อนเหมือนเพลิดเพลิน
หนักจนเกินกลับใจใช้ปัญญา

เราอาจเสียความทรงจำเคยร่ำไห้
เลือดเคยได้ท่วมถนนไหลล้นบ่า
ศพเก่าเพิ่งจะเผาเอาอีกครา
ศพใหม่มาต่อแถวแล้วหรือไร

เราอาจสิ้นทุกสิ่งจริงจริงแล้ว
ราชดำเนินจึงเป็นแนวอีกครั้งใหม่
ให้เราฆ่าพล่าผลาญสำราญใจ
เอาศพไทยถมแผ่นดินจนสิ้นไทย.

โกศล อนุสิม
๒ มิถุนายน ๒๕๕๑

2 มิถุนายน, 2008 Posted by | Uncategorized | , , | 8 ความเห็น

ใคร?


ภาพจาก : Art.culture.go.th
…………………………….

ใครคนผู้ขายค้า……คือใคร
ขายแผ่นดินสิ้นไป……………หมดแล้ว
เงินทองก่ายกองใน…………..กำปั่น
เห็นแก่ทรัพย์สินแก้ว………….นอบน้อมนายเงิน

นานเนิ่นนั่งซบหน้า…………..คือใคร
คุกเข่าก้มลงไป……………..จูบหล้า
น้ำตาบ่ารินไหล……………..นองหลั่ง
โอ้แผ่นดินถิ่นข้า…………….บัดนี้ใครครอง.

โกศล อนุสิม

27 พฤษภาคม, 2008 Posted by | โคลง | , , , | 1 ความเห็น

รำพึงนอกป่าช้า

วังเอ๋ยวังเวง
ไร้เสียงหง่างเหง่ง ระฆังหาย
ทิวากาลก็เหมือนจะกลับกลาย
เป็นราตรีคล้ายคล้ายตะวันลับ


ป่าช้า : จาก Songkhlatoday.com
…………………………………

เห็นแต่ความมืดคลุมขยุ้มไผท
ผู้คนหลงใหลในความหลับ
มนต์ดำขย้ำใจให้คำนับ
หลงอยู่กับความฝันสวรรค์อำไพ

ป่าช้าก็ยังเห็นเป็นแดนสวรรค์
จะจริงหรือจะฝัน สำคัญไฉน
เมื่ออยู่ในม่านมนต์ที่ดลใจ
จะเหลือหวังอันใด โอ้อนิจจา!
อ้าอนิจจัง! โธ่ถังเอย.

โกศล อนุสิม
๒๓ มกราคม ๒๕๕๑ .

27 พฤษภาคม, 2008 Posted by | กลอน | , , , , | 3 ความเห็น

เห็นโลกแล้วว่าไม่สนุก

เพราะเรายังเวียนว่ายในกองกิเลส
จึงมีเหตุยุ่งเหยิงเป็นเพลิงโหม
เพราะมีโลภโกรธหลงเป็นแสงโคม
จึงต้องโถมแรงถั่งคลั่งบ้าไป

เพราะตัวกูของกูอยู่ทุกฝ่าย
เพราะเห็นคนอื่นร้ายจึงรุกไล่
เพราะว่าพวกกูดีกว่าพวกของใคร
เพราะต่างจิตต่างใจไม่ยอมกัน

กิเลสชักพาให้หน้ามืด
ทุกข์จึงยาวยืดมิอาจสั้น
เป็นเรื่องธรรมดาอย่างสามัญ
เกิดดับนับอนันต์อเนกกาล

ใครผู้แลเห็นความเป็นไป
รู้แน่แก่ใจไม่ฟุ้งซ่าน
จึงถึงทางธรรมที่เบิกบาน
สู่พระนิพพานจึงพ้นทุกข์

ขอตามรอยบาทพระศาสดา
เห็นโลกแล้วว่าไม่สนุก
อยู่พอประมาณไม่พล่านพลุก
พระธรรมนำสุขสงบใจฯ

26 พฤษภาคม, 2008 Posted by | กลอน | , , , | 3 ความเห็น

น้ำตาตกอกไข้


ภาพจาก Manager Online

น้ำตาก็ตกอกเป็นไข้
หัวใจก็เจ็บจนเหน็บใจ
เมื่อเห็นคนไทยทำร้ายกัน

เพราะด้วยความคิดที่ต่างขั้ว
เพราะด้วยความกลัวที่ต่างขั้น
เพราะด้วยต่างพวกสารพัน
เพราะพวกมัน พวกกู สู้กันไป

จึงเข้าชุมนุมเป็นกลุ่มกล้า
ยืนเผชิญหน้าท้าทายใส่
พวกมึง พวกกูช้าอยู่ไย
เอาเลือดหัวให้ออกไหลริน

ใครชั่ว ใครร้าย และใครได้
หัวเราะ สะใจ เมื่อได้กลิ่น-
เลือดของผองชนคนเดินดิน
และศพที่สิ้นลมหายใจ

กี่ครั้ง กี่หน ที่พ้นผ่าน
ไม่ช้า ไม่นาน จำไม่ได้
ฆ่าฟันล้างผลาญเพิ่งผ่านไป
นี่เริ่มต้นใหม่มาอีกครั้ง

กี่ครั้งที่คนล้มใจขาด
กี่ครั้งที่ชาติน้ำตาหลั่ง
กี่ครั้งที่เราจะได้ฟัง
เรื่องความชิงชังกลบฝังไทย

น้ำตาจึงตกอกเป็นไข้
หัวใจก็เจ็บเหน็บหัวใจ
เมื่อเห็นคนไทยไล่ฆ่ากันฯ

โกศล อนุสิม
คืนคาบเกี่ยว ๒๕-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑

25 พฤษภาคม, 2008 Posted by | กลอน | , , , | 5 ความเห็น

กวีนิพนธ์ไม่ได้ขาย

บทกวีมิได้ขาย
มีแจกจ่ายและแบ่งปัน
กวีมีร้อยพัน
มุุุ่่่งสร้างสรรค์การกวี

กวีมีแบ่งปัน
กาพย์ กลอน ฉันท์ อันเด่นดีี
โคลง ร่าย ลิลิต มี
หล่อเลี้ยงใจไสวเรือง

บทกวีมิได้ขาย
เราทั้งหลายไม่สิ้นเปลือง
เอาใจอันเมลือง-
มลังดลนิพนธ์กวี
อ่านเพิ่มเติม

22 พฤษภาคม, 2008 Posted by | กาพย์ | , , , | 11 ความเห็น